Tuesday, March 15, 2016/Author: SuperUser Account/Number of views (1784)/Comments (0)/
Tags:

ตลาดคลองผดุงฯคึกคัก Power Buy ยกทัพเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 จำหน่าย 21 – 27 มี.ค.

ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” เงินสะพัด ยอดรายได้พุ่งกว่า 12 ล้านบาท ประชาชนร่วมเที่ยวงาน 2 หมื่นกว่าคน Power Buy เตรียมยกทัพเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ราคาถูกร่วมจำหน่าย 21 – 27 มีนาคมนี้ 

วันนี้ (15 มี.ค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เยี่ยมชมร้านจำหน่ายสินค้าในงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” ซึ่งกระทรวงพลังงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 – 27 มีนาคม 2559 โดยมี พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน และผู้บริหารระดับสูงสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติให้การต้อนรับ พร้อมนำเยี่ยมชมร้านค้าต่าง ๆ ภายในงาน ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” โดยกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติร่วมเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น และเปิดให้ประชาชนมาเที่ยวงานตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา มีประชาชนสนใจมาเที่ยวงานตั้งแต่เปิดตลาดจนถึงขณะนี้จำนวน 28,164 คน ส่วนยอดรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 12,049,906 บาท สำหรับสินค้าที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเลือกซื้อมากที่สุด อาทิ ผลิตภัณฑ์จากร้านค้าพลังงานชุมชน สินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 และสินค้าชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากร้านค้าชุมชนจากแหล่งผลิตปิโตรเลียม สินค้าจากกลุ่มพัฒนาพลังงานทดแทน ข้าวหอมมะลิ ผลิตภัณฑ์ ข้าวตังหน้าต่าง ๆ ร้านบุญสมฟาร์ม (สาหร่ายแปรรูป) จังหวัดเชียงใหม่ ร้านรองเท้าศรีชัย (รองเท้าหนัง Hand Made) และกลุ่มทอผ้าบ้านอากาศ จังหวัดสกลนคร เป็นต้น

นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ 21 – 27 มีนาคม ทางศูนย์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า Power Buy จะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ มาร่วมจำหน่ายในราคาพิเศษอีกด้วย ทั้งนี้ ตลาดเพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้ จะเปิดให้ประชาชนมาเที่ยว ชม ชิม ช้อป ไปจนถึงวันที่ 27 มีนาคม 2559 นี้เท่านั้น

สำหรับประชาชนที่สนใจมาเที่ยวงาน ทางกระทรวงพลังงานได้อำนวยความสะดวกโดยจัดรถมินิบัสไฟฟ้าบริการรับ – ส่ง ฟรีทุกวัน จำนวน 2 จุด จากสนามม้านางเลิ้ง – ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม และ จากสถานีรถไฟฟ้า MRT หัวลำโพง – ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม นอกจากนี้ ยังมีบริการรถเมล์

ฟรี ในวันจันทร์ – วันศุกร์ จากศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (บริเวณหน้าโกลเด้นเพลส – ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทำเนียบรัฐบาล)

559000002821301

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000027326

 

 

1 total views, 1 views today

Tuesday, March 15, 2016/Author: SuperUser Account/Number of views (1733)/Comments (0)/
Tags:

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม

42c89157e72f0a62af7c15ba1d913f43_M

 

 

ภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ เดินทางด้วยรถบัสไฟฟ้าของกระทรวงพลังงาน จากด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล มายังตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล

ในโอกาสนี้ พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยหม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหารจากกระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้นำนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ มาเยี่ยมชมบู้ธจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านพลังงานและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เป็นฝีมือคนไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน ประกอบด้วย สินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สินค้าจากร้านค้าชุมชนจากแหล่งผลิตปิโตรเลียม ร้านค้าพลังงานชุมชนและกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ส่วนงานวิจัยขายได้ ประกอบด้วยผลงานวิจัยดาวเด่นในเชิงวิชาการที่สามารถต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ได้ เช่นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ข้าวไรซ์เบอร์รี่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากหญ้าแฝกและเส้นใยลูกตาลตลอดจนสบู่เพื่อสุขภาพผิว โดยคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้จะเพิ่มช่องทางขยายผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์เพื่อชุมชน สังคมและต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบู้ธต่าง ๆ ที่มาจัดแสดงนวัตกรรมทางด้านการพลังงานและวิจัยพร้อมให้กำลังใจและอุดหนุนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ด้วยอัธยาศัยอันดี

อนึ่ง ในระหว่างวันที่ 21-27 มีนาคม ศกนี้ ทางศูนย์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า Power Buy จะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ มาร่วมจำหน่ายในราคาพิเศษอีกด้วย ทั้งนี้ ตลาดเพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้ จะเปิดให้ประชาชนมาเที่ยว ชม ชิม ช้อป ไปจนถึงวันที่ 27 มีนาคม 2559 นี้เท่านั้น

สำหรับประชาชนที่สนใจมาเที่ยวงาน ทางกระทรวงพลังงานได้อำนวยความสะดวกโดยจัดรถมินิบัสไฟฟ้าบริการรับ-ส่ง ฟรีทุกวัน จำนวน 2 จุด จากสนามม้านางเลิ้ง – ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม และ จากสถานีรถไฟฟ้า MRT หัวลำโพง – ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม นอกจากนี้ ยังมีบริการรถเมล์ฟรี ในวันจันทร์-วันศุกร์ จากศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (บริเวณหน้าโกเด้นเพลส – ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทำเนียบรัฐบาล) อีกด้วย

1 total views, 1 views today

Tuesday, March 15, 2016/Author: SuperUser Account/Number of views (1648)/Comments (0)/
Tags:

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชื่นชมผลงานกระเป๋าหญ้าแฝก

206963

 

 

 

 

 

 

 

ถือเป็นมหกรรมระดับชาติที่คนไทยทั้งประเทศจะพลาดไม่ได้จริงๆ เมื่อ คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประสานกำลังอย่างแข็งขันกับ กระทรวงพลังงาน จัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้”ตั้งแต่วันนี้-27 มีนาคม 2559 ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล

นางสาวสุกัญญา ธีระกูรณ์เลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า ตามที่ วช.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลนำผลงานวิจัยที่พร้อมขาย มาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษที่ตลาดนัดชุมชน บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีกิจกรรมพิเศษนอกเหนือจากงานขายมาสร้างสีสันและสร้างประโยชน์กับผู้ชมงานตลอดระยะเวลาการจัดงาน โดยในครั้งนี้ทาง วช. ได้นำผลงานอันเกิดจากความคิดมันสมองและสองมือของนักวิจัยไทยมาอวดโฉมมากกว่า 100 ผลงาน

เช่น ครีมบำรุงผิวจากสารสกัดทานาคาผสมไวตามินอี นวัตกรรมน้ำมันหอมระเหยจากข้าวตอก ผ้าทอพื้นบ้านจากเส้นด้ายใยลูกตาล การผลิตส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดส้มแขกและชาเขียวมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง น้ำข้าวกล้องงอก ผลิตภัณฑ์จากข้าวซ้อมมือ นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้การวิจัยเพื่อสร้างความรู้และอาชีพ เช่น การทำกระเป๋าจากเนคไท น้ำปรุงใบข้าวหอม ไหมไทย สบู่ข้าวหมกไหมไทย แป้งร่ำผัดหน้าข้าวหอมไหมไทย การทำข้าวปั้นญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์ข้าวตังหน้าตั้ง เป็นต้น

2(11)

สุกัญญา ธีระกูรณ์เลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ

โดยไฮไลท์ที่ถือเป็นสุดยอดของงานในครั้งนี้ที่พลาดชมไม่ได้คือ “ผลิตภัณฑ์กระเป๋าหญ้าแฝก” ซึ่งได้รับการยกย่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผลิตภัณฑ์แฮนด์เมด “กระเป๋าใบเดียวในโลก” ที่เมื่อสานและขึ้นรูปกระเป๋าแล้วมีความงดงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ลวดลายที่ปรากฏไม่ซ้ำกันเลยสักใบ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากการวิจัยพัฒนาของ ผศ.รจนา จันทราสา สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแนวพระราชดำริในการนำหญ้าแฝกมาแก้ปัญหาเรื่องการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ซึ่งในแต่ละปีประเทศไทยจะมีหญ้าแฝกที่ถูกตัดยอดทิ้งเป็นจำนวนมาก จึงเกิดไอเดียเด็ดนำใบหญ้าแฝกที่ถูกตัดมาทำเป็นกระเป๋าสานสุดเริ่ดไม่เหมือนใคร โดยเข้าไปส่งเสริมกลุ่มแม่บ้านแกใหม่ กลุ่มแม่บ้านก๊อกซาว และกลุ่มแม่บ้านดอนชัย จ.พะเยา ที่มีฝีมือในการประดิษฐ์เครื่องหัตถกรรมอยู่แล้ว ให้เป็นผู้ผลิตกระเป๋าหญ้าแฝก

สำหรับกระเป๋าหญ้าแฝกนั้น เป็นการนำหญ้าแฝก ฝ้าย และเส้นไหม มาผลิตรวมกัน โดยใช้หญ้าแฝกเป็นวัตถุดิบในการสานกระเป๋า และใช้ฝ้ายมาย้อมสีธรรมชาติเพื่อสร้างสีสันให้กระเป๋ามีความสวยงาม แถมเพิ่มความโดดเด่นให้กระเป๋าด้วยการนำไหมซึ่งมีคุณสมบัติมันวาวอยู่แล้ว มาร้อยประดับในกระเป๋าสร้างความโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยวิธีธรรมชาติ และด้วยความที่จ.พะเยา มีหนังที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ทางทีมนักวิจัยและผู้ออกแบบจึงใช้หนังมาเพิ่มเป็นเลเยอร์ของกระเป๋าอันเป็นการสร้างมูลค่าให้สินค้าอีกรูปแบบหนึ่ง

 4(12)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชมพู่ทับทิมจันทร์ ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มมูลค่าพร้อมส่งออก

รศ.วรภัทร ลัคนทินวงศ์ อาจารย์ภาคประจำวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำผลงาน ชมพู่ทับทิมจันทร์ ผลไม

Tuesday, March 15, 2016/Author: SuperUser Account/Number of views (12262)/Comments (0)/
Tags:

เครื่องสาวไหมพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมประยุกต์จากภูมิปัญญา

เครื่องสาวไหมพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมประยุกต์จากภูมิปัญญา

ทำมาหากิน : เครื่องสาวไหมพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมประยุกต์จากภูมิปัญญา : โดย…สุรัตน์ อัตตะ

                      ความต้องการเส้นไหมเพื่อใช้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์นับวันยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านการสาวไหมที่ใช้แรงคนในการผลิต จึงไม่ทันกับความต้องการ และยังส่งผลทำให้วงจรไหมกลายเป็นดักแด้ผีเสื้อภายในเวลาอันรวดเร็ว จนไม่สามารถนำรังไหมมาใช้ประโยชน์ได้อีก ด้วยเหตุนี้ทำให้ทีมนักวิจัยจากคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ นำโดย รศ.ดร.ชูชาติ พยอม และดร.ศุภัชย แก้วจันทร์ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมเครื่องสาวไหมโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแหง่ชาติ (วช.) จำนวน 3 แสนบาท มาทดลองประดิษฐ์เครื่องสาวไหมใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อทดแทนแรงงานคนในทุกขั้นตอนการผลิต
                      อาจารย์เอกราช นาคนวล หนึ่งในทีมวิจัยเครื่องสาวไหมพลังงานแสงอาทิตย์ให้ข้อมูลระหว่างนำนวัตกรรมเครื่องสาวไหมพลังานแสงอาทิตย์มาจัดแสดงในงานมหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาคประจำปี 2559 ระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยระบุว่าเดิมทีชาวบ้านสาวไหมโดยใช้นวัตกรรมจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งได้ปริมาณการผลิตไม่มากนัก เฉลี่ย 1-2 กระด้งต่อวัน และไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงวงจรของตัวไหมที่จะกลายเป็นดักแด้ผีเสื้อ  ส่งผลให้ชาวบ้านเริ่มลดจำนวนการเลี้ยงไหม เนื่องจากไม่คุ้มค่าในการลงทุน ทั้งที่ จ.สุรินทร์ ถือเป็นแหล่งผลิตเส้นไหมและผลิตภัณฑ์จากไหมที่สำคัญของประเทศ จึงทำให้ทีมนักวิจัยพยายามคิดค้นนวัตกรรมการสาวไหมโดยใช้เทคโนโลยีอย่างง่าย การทำงานที่ไม่สลับซับซ้อนนักและมีขั้นตอนการผลิตไม่แตกต่างไปจากวิถีเดิมๆ ของชาวบ้านมากนัก
                      นักวิจัยคนเดิมเปิดเผยต่อว่า สำหรับจุดเด่นของนวัตกรรมชิ้นนี้สามารถสาวได้รอบที่สม่ำเสมอและปรับความเร็วรอบได้ตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับไหมสายพันธุ์ต่างๆ ขณะที่สาวไหมเครื่องก็จะบิดเกลียวเส้นไหมไปในตัว ทำให้เส้นไหมมีความเหนียวและได้ขนาดที่เท่ากันตลอดความยาวของเส้นไหม โดยเครื่องสาวไหมพลังงานแสงอาทิตย์นี้สามารถสาวไหมพื้นที่ได้หลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์นางลาย พันธุ์เหลืองสุรินทร์ ยกว้นไหมอีรี่ เนื่องจากยังมีปัญหาอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้เส้นไหมจะขาดบ่อยในขณะที่สาว
                      “เครื่องนี้ได้ต่อยอดมาจากของเดิมเป็นเครื่องสาวไหมไฟฟ้า แต่ชาวบ้านไม่ชอบกลัวอันตราย ก็เลยพัฒนามาเป็นเครื่องสาวไหมใช้มอเตอร์ดีซี เป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ จุดเด่นของมันก็คือควบคุมรอบได้และปริมาณการสาวมากกว่าชาวบ้านถึง 8 เท่า ปกติชาวบ้านสาวได้ 1-2 กระด้งต่อวัน ถ้าใช้กับเครื่องนี้จะได้ปริมาณเพิ่มขึ้น 8-10 เท่าต่อวัน ที่สำคัญพลังงานที่ใช้กรณีเราชาร์จแบตเตอรี่เต็มสามารถใช้ได้นานถึง 16 ชั่วโมง”
                      อาจารย์เอกราชยังอธิบายถึงขั้นตอนการใช้งานของเครื่อง โดยแค่เปิดสวิตช์กุญแจ จากนั้นก็ปรับความเร็วของรอกจะให้หมุนช้าหรือเร็ว ส่วนขั้นตอนการผลิตนั้น เริ่มจากนำรังไหมมาต้มเพื่อให้กาวแตกตัวแล้วรอกขึ้นมาสาวได้ทันทีโดยอัตโนมัติ ซึ่งแบบเดิมจะใช้มือในการสาว ขณะเดียวกันเราก็จะนั่งคอยดู กวนรังไหมในหม้อต้มเพื่อให้เส้นไหมขึ้นรอกอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งช่วยลดแรงงานคนและสามารถทำได้ในปริมาณที่มาก ภายในเวลาอันจำกัด
                      “ส่วนประกอบหลักก็ไม่มีะไรมาก มีชุดแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่และตัวมอเตอร์ดีซี และคูเลย์กลไกภายใน ส่วนเครื่องกรอก็ประยุกต์มาจากหลักการเดิมของชาวบ้าน คือถอดแบบเครื่องสาวไหมของชาวบ้านมาใช้เกือบทั้งหมด” นักวิจัยคนเดิม กล่าว และย้ำว่า สำหรับต้นทุนการผลิตเครื่องตัวนี้อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นบาท และเป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน หลังนำไปทดลองใช้งานในหมู่บ้านผลิตเส้นไหมหลายแห่งใน จ.สุรินทร์ ในช่วงที่ผ่านมา
                      นับเป็นอีกนวัตกรรมที่ดัดแปลงมาจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ ต้นทุนการผลิตไม่สูงนัก น่าจะเป็นอีกทางเลือกให้แก่เกษตรกรที่ผลิตเส้นไหมได้เป็นอย่างดี
ijbkja9aedc7cccaf6acb<
Tuesday, March 15, 2016/Author: SuperUser Account/Number of views (3494)/Comments (0)/
Tags:
RSS
First 979899100101102103104105106 Last