กอ.รมน. ร่วมกับวช. นำปราชญ์เพื่อความมั่นคง 77 จังหวัด เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน ด้วยวิจัยและนวัตกรรม

  • 1 April 2023
  • Author: PMG
  • Number of views: 386
กอ.รมน. ร่วมกับวช. นำปราชญ์เพื่อความมั่นคง 77 จังหวัด เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน ด้วยวิจัยและนวัตกรรม
กอ.รมน. ร่วมกับวช. นำปราชญ์เพื่อความมั่นคง 77 จังหวัด เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน ด้วยวิจัยและนวัตกรรม

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมนำ”ปราชญ์เพื่อความมั่นคง” 77 จังหวัด มาเสริมสร้างความเข้มแข็งและคุณภาพชีวิตให้แก่ชุมชน ด้วยการนำวิจัยและนวัตกรรม

ในการนี้ พลโท วิเศษ เจริญสุข รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมเปิดกิจกรรม “การเสริมสร้างปราชญ์เพื่อความมั่นคงและเครือข่ายภาคจังหวัดเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคความมั่นคงและภาคการวิจัยร่วมเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้เครือข่ายปราชญ์เพื่อความมั่นคง เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นกลไกที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากการวิจัยและนวัตกรรม ตามความต้องการของท้องถิ่น เชื่อมโยงกับการทำงานร่วมกับศูนย์การเรียนรู้ของเครือข่ายปราชญ์เพื่อความมั่นคง และการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนให้เข้มแข็งด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 1 เมษายน 2566 ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ ชลพฤกษ์ รีสอร์ท จ.นครนายก

พลโท วิเศษ เจริญสุข รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. กล่าวว่า กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนงาน และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้นำองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ถ่ายทอดสู่ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายปราชญ์เพื่อความมั่นคง ในพื้นที่เป้าหมายจนทำให้ชุมชนเหล่านั้นมีศักยภาพสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้นเป็นชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยการจัด "โครงการเสริมสร้างปราชญ์เพื่อความมั่นคงและเครือข่ายภาคจังหวัดเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" ในครั้งนี้ได้ให้ความสำคัญและเห็นคุณค่าของปราชญ์เพื่อความมั่นคง และมีการถ่ายทอดความรู้นำไปสู่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างปราชญ์เพื่อความมั่นคงในสาขาต่าง ๆ เพื่อนำองค์ความรู้ไปพัฒนาต่อยอดประยุกต์ใช้ในการพัฒนาพื้นที่และเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อไป

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง วช. และ กอ.รมน. ในการใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม มาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งมีกลไกของศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 ร่วมกับศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2-5 และสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง ร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมผลงานวิจัยและนวัตกรรมนำสู่ศูนย์เรียนรู้ของเครือข่ายปราชญ์เพื่อความมั่นคงและพื้นที่ชุมชนเป้าหมายในความดูแลของ กอ.รมน. มากกว่า 400 ชุมชนใน 77 จังหวัด โดยการคัดกรองงานวิจัยและนวัตกรรมตามความต้องการของชุมชน มากกว่า 30 องค์ความรู้และนวัตกรรมลงพื้นที่เป้าหมาย โดย กอ.รมน. ได้คัดกรองพื้นที่ที่เหมาะสมตามโจทย์ความต้องการ และ วช. คัดกรององค์ความรู้ที่พร้อมถ่ายทอดขยายผล ให้สอดรับกับบริบทความต้องการของชุมชน ในการนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปช่วยในการยกระดับศักยภาพความเข้มแข็ง โดยมีนักวิจัยที่มีองค์ความรู้พร้อมถ่ายทอด ร่วมขยายผลนวัตกรรม ตลอดจนเครือข่ายภาคจังหวัด ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนต้นแบบ ชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศที่เน้นความยั่งยืน

นอกจากนี้ พล.ท.อนุชา สังฆสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. ได้ร่วมเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน ที่ได้นำชุมชนต้นแบบที่ประสบผลสำเร็จ จากการได้รับองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีขึ้น มาร่วมนำเสนอเป็นผลิตภัณฑ์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งชุมชนที่ได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบจาก กอ.รมน. และ วช. ในปีที่ผ่านมา

กิจกรรมที่จัดขึ้น ยังมีการบรรยายและการฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ เพื่อให้ความรู้และรับฟังความคิดเห็น ตลอดการจัดงาน อาทิ การบรรยายพิเศษเรื่อง “แนวทางการพัฒนาพื้นที่และส่งเสริมการเกษตร”โดย นายณรงค์รัตน์ ม่วงประเสริฐ ผู้ช่วยเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติสภาเกษตรกรแห่งชาติ การบรรยายพิเศษเรื่อง “ปักหมุดการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยวิจัยและนวัตกรรมโดยความร่วมมือระหว่าง กอ.รมน. และ วช. และนวัตกรรมพร้อมใช้สำหรับชุมชน” โดย นายธีรวัฒน์ บุญสม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม วช. เป็นต้น โดยมีกอ.รมน.ภาค กอ.รมน.จังหวัด และปราชญ์เพื่อความมั่นคง 77 จังหวัด เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 300 คน จากทั่วประเทศ
Print
Tags: