วช. ยกย่องเชิดชู “วิทยากรแม่ไก่” ผลักดัน “ลูกไก่” สู่ความสำเร็จ สร้างนักวิจัยคุณภาพ

วช. ยกย่องเชิดชู “วิทยากรแม่ไก่” ผลักดัน “ลูกไก่” สู่ความสำเร็จ สร้างนักวิจัยคุณภาพ






















วันที่ 28 สิงหาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มอบรางวัลเกียรติบัตรรับรองเป็น “วิทยากรหลักสูตรการพัฒนานักวิจัย” ภาคบรรยาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567 (Thailand Research Expo 2024) โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวขอบคุณและแสดงความยินดี

พร้อมมอบโล่เกียรติคุณและมอบเกียรติบัตรรับรอง และนายสมปรารถนา สุขทวี รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวแสดงความยินดีและกล่าวสรุปผลการดำเนินงานการพัฒนาบุคลากรทางการวิจัยของประเทศภายใต้โครงการ “สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่” (ลูกไก่) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พร้อมมอบโล่เกียรติคุณและเกียรติบัตร ณ เวทีกิจกรรม Highlight Stage ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการฝึกอบรม "สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่" ได้สร้างนักวิจัยที่มีคุณภาพจำนวนมาก สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารโครงการ วิทยากรผู้ถ่ายทอดความรู้ และนักวิจัยรุ่นใหม่ที่ตั้งใจศึกษาเรียนรู้ ขอขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่ได้สละเวลาและความรู้มาแบ่งปันให้กับรุ่นน้องอย่างเต็มที่ ท่านคือแบบอย่างที่ดีในการเป็นนักวิจัยและเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ และสำหรับนักวิจัยรุ่นใหม่ทุกท่าน ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จที่ได้รับในวันนี้ การเป็นนักวิจัยที่ดีนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้ ความสามารถ และความมุ่งมั่น ขอให้ทุกท่านนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการทำงานวิจัย เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพต่อไป และขอขอบคุณหน่วยงานเครือข่ายด้านการวิจัยทุกแห่งที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้มาโดยตลอด การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทำให้เราสามารถดำเนินโครงการได้อย่างราบรื่นและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
โครงการ “วิทยากรหลักสูตรการพัฒนานักวิจัย” (แม่ไก่) และ โครงการ “สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่” (ลูกไก่) เป็นโครงการสำคัญที่ วช. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 เพื่อพัฒนาทักษะการวิจัยของนักวิจัยไทยให้ได้มาตรฐานสากล และสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในการขับเคลื่อนงานวิจัยของประเทศ
นายสมปรารถนา สุขทวี กล่าวว่า วช. ได้ดำเนินโครงการพัฒนานักวิจัยรุ่นใหม่ หรือ "โครงการลูกไก่" อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างและพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านวิจัยที่มีคุณภาพ เพิ่มศักยภาพในการผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณค่าทางวิชาการและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของโครงการ คือ การพัฒนาวิทยากรหลักสูตรการพัฒนานักวิจัย หรือ "วิทยากรแม่ไก่" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ และกระบวนการวิจัยให้แก่นักวิจัยรุ่นใหม่ โดยวิทยากรแม่ไก่เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกและพัฒนาให้มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่าง ๆ ปัจจุบัน วช. มีเครือข่ายวิทยากรแม่ไก่จำนวนทั้งสิ้น 1,096 คน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาวงการวิจัยของประเทศ และผลสำเร็จที่เห็นได้ชัดจากโครงการลูกไก่ คือ การผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถด้านการวิจัยจำนวนถึง 11,318 คน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัยในหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันอุดมศึกษา นอกจากนี้ วช. ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของวิทยากรแม่ไก่อย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการนำเสนอผลงานวิจัย เพื่อให้วิทยากรมีความรู้ความสามารถที่ทันสมัยและสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของบริบททางวิชาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในพิธีมอบรางวัลครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ภายใต้โครงการ "สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้มีการมอบโล่เกียรติคุณแก่ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 11 ท่าน ที่ทำหน้าที่ประเมินความรู้ความสามารถของวิทยากรหลักสูตร และมอบโล่เกียรติคุณแก่หน่วยงานเครือข่ายด้านการวิจัย 17 หน่วยงาน ที่เป็นผู้จัดหลักสูตร นอกจากนี้ ยังมีการมอบเกียรติบัตรวิทยากรให้แก่ผู้ผ่านการรับรองการเป็นวิทยากรหลักสูตรอีกจำนวน 66 ท่านคน
พิธีในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการพัฒนานักวิจัยรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา การมีบุคลากรที่มีคุณภาพทั้งในด้านวิชาการและการบริหารจัดการโครงการ เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน"

Print