16 March 2016

“บิ๊กตู่” เปิดประชุมพัฒนาระบบราง รับอารมณ์เสียเพราะ รธน.-ประชาธิปไตย-ประชามติ

14581039631458103989m

 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ มักกะสัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานการประชุมวิชาการ และแสดงนิทรรศการอุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 2 เรื่อง “ผลิตชิ้นส่วนระบบรางอย่างไรให้ได้มาตรฐาน” ระหว่างวันที่ 16-17 มี.ค. ซึ่งจัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม ร่วมการประชุม

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นวันดีๆ ของพวกเราทุกคน จากการที่ได้มางานในวันนี้ทำให้มีความสุข ถือว่าเป็นความสุขไม่กี่อย่างที่ตนมี ปกติเช้าขึ้นมาจะต้องอารมณ์ดีกัน แต่เช้านี้ก็มีเรื่องเข้ามาอีก ทั้งเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชามติ พอดีตนถูกอุ่นเครื่องมาตั้งแต่เช้า เราเองตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุด ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันและติดตามให้ทันว่าอะไรเป็นอะไร อย่างเมื่อเช้ามันก็น่ารำคาญ ยุงมันเยอะ คงเป็นยุงตัวเมียมั้ง เป็นยุงตอมดอกไม้ ยุงผลไม้ มันเยอะ เยอะทั้งยุง เยอะทั้งคน เยอะไปหมด คนเยอะกว่ายุง น่ารำคาญจริงๆ มันไปกันไม่ได้”

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศของเรามีความจำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่องการจัดทำยุทธศาสตร์เดินหน้าประเทศใหม่ ตนจึงได้บอกว่าเราจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ 20 ปี ไว้ และทุก 5 ปีเราต้องมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและแผนปฏิรูปที่เรากำลังทำกัน ซึ่งเราต้องมีกลไกที่จะทำให้เดินหน้าไปได้ในช่วง 20 ปี ทั้งนี้ ก็เป็นเรื่องที่สามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนได้ตลอดเวลาทุก 1 ปีหรือ 5 ปีเราก็มีคณะกรรมการที่จะต้องพิจารณา เพราะสิ่งที่เราวางไว้ในวันนี้คืออนาคตซึ่งเป็นอนาคตของทุกคนไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลพยายามวางระบบ และสร้างการคมนาคมทุกอย่างให้เชื่อมโยงกัน จึงอยากจะบอกว่าให้เราทำอะไรอย่างเชื่อมโยงไม่ใช่มองแค่ตัวเอง หรืองานของตัวเองเท่านั้น โดยไม่คำนึงอย่างอื่นเพราะจะเป็นสิ่งที่อันตรายต่อประเทศ

 

จากการที่ตนมีประสบการณ์เดินทางไป และพบปะกับผู้นำประเทศที่พัฒนาแล้ว ตนเห็นถึงความก้าวหน้าในเรื่องความคิดและยุทธศาสตร์ 3 ส่วนด้วยกัน 1.เพื่อประชาชน 2.พรรคการเมืองและคะแนนนิยมในการบริหารประเทศตามหลักการ และ 3.เพื่อยุทธศาสตร์ชาติตนจึงอยากให้ทุกคนคิดว่า จะทำอย่างไรให้สามอย่างมารวมกันให้ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องกำหนดไว้ในการบริหารราชการแผ่นดินต่อ ไม่เช่นนั้นสิ่งต่างๆ ก็จะกลับมาเหมือนเดิมเราจะไม่เห็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและก้าวหน้า โดยวันนี้กี่ปีมาแล้วที่ระบบรางทั้งหมดมีกว่า 4,000 กิโลเมตร แต่กำลังจะเพิ่มเป็น 7,000 กิโลเมตรในปี 2565 รัฐบาลนี้คิดแบบนี้และยาวกว่านี้

 

“เราต้องคิดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปี แผนปฏิรูปและแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ รัฐบาลไหนเข้ามาก็ขอให้ทำตามแนวทางนี้ หากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องดีกว่า แต่จะเปลี่ยนได้อย่างไรในเมื่อการเมืองเรายังไม่เข้มแข็งนัก ระยะนี้จึงมีความจำเป็นที่จะดำเนินการอะไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการเดินหน้าประเทศ นอกจากการดำเนินการในเรื่องของพรรคการเมืองอย่างเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมเข้ามาต้องการทำแค่นี้ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นทั้งสิ้น” นายกฯ กล่าว

 

นายกฯ กล่าวว่า ที่ตนต้องพูดมากก็เพราะเพื่อทำความเข้าใจก็ขอให้อดทนในการฟังจะง่วงบ้างอะไรบ้าง แต่ก็จะพูดจนกว่าทุกคนจะหายง่วง ดังนั้นถ้ายังมีคนง่วงอยู่ก็จะไม่เลิกพูด เราจะต้องพูดเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกันไม่ใช่อะไรอะไรก็พูด แต่ว่าอำนาจหรือไม่อำนาจอยู่แบบนี้ ถ้าอำนาจมีแล้วไปใช้ในทางที่ผิดก็ไม่ควรจะมี แต่ถ้ามีอำนาจและใช้ในทางที่ถูกก็ปล่อยให้เขามีไปหน่อย ไม่ได้หมายถึงตนแต่หมายถึงใครก็ตามที่เขาอยากมีอำนาจ แต่อย่าลืมว่าอำนาจไม่ได้หากันมาได้ง่ายๆ ต้องทำทุกอย่างที่จะมีอำนาจในการบริหารงาน เพื่อบ้านเมืองไม่ใช่มีอำนาจ เพื่อไปบังคับขู่เข็ญคนมันทำไม่ได้อยู่แล้ว

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องทำทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และเชื่อมโยงด้วยระบบสาธารณูปโภค ก็จะทำให้ทุกอย่างเข้มเเข็ง ไม่ใช่มาบอกภาคนี้ภาคโน้น แล้วใช้การเมืองไปนำ ประเทศก็จะรวมกันไม่ได้ อยากให้ทุกคนกลับมาคิดตรงนี้ ใครจะรักใครชอบใครตนไม่ว่า จะเกลียดตนก็ไม่ว่า แต่อย่าเกลียดประเทศ อย่าเกลียดประชาชนของตัวเอง อย่าเเยกเขา เมื่อดูตรงนี้เเล้วก็ไปดูในกลุ่มจังหวัด ต่อไปที่อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ซึ่งมีความรับผิดชอบของเเต่ละหน่วยงาน มีงบประมาณ งบฯท้องถิ่นลงไปในส่วนนี้ ต้องทำให้สอดประสานกัน ไม่ใช่แต่ละหน่วยงานทำให้มากที่สุด

 

ตนอ่านจากสื่อเห็นว่า มีเเต่มาของบฯจากรัฐทั้งหมด แล้วจะเอาเงินจากที่ไหน วันนี้เศรษฐกิจไทยลดลง 9.3 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ตนเป็นคนทำ แต่ต้องมองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ในอดีต แล้วถ้าทำวันนี้เพื่อเดินไปข้างหน้า ต้องแก้ปัญหาของเดิมด้วย ทุกอย่างพันกันมันก็ไปไม่ได้ จะหาวิธีการบริหารจัดการประเทศไม่ได้ ระบบขนส่งก็ไม่ได้ เราต้องทำเพื่อผลประโยชน์ที่เท่าเทียม

 

“เราต้องทำให้คนที่ยากจน เกษตรกร เข้าถึงและสามารถใช้รถไฟฟ้าได้ ไม่ใช่ใช้เฉพาะในกรุงเทพ เพราะประเทศไทยทั้งหมดคือประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ร้องเพลงชาติไทยกันทุกวัน ก็ยังรบกันทุกวัน เรามาจากหลากหลายเเล้วรวมกันเป็นประเทศ มันมีความภาคภูมิใจ ใครไม่ภาคภูมิใจก็แล้วเเต่ เรามาจากหลายเชื้อชาติ มาผสมผสานกันก็รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย วันนี้พอจะรวมกันได้ก็เเตกกันอีก ผมก็ไม่เข้าใจ ผมไม่ยอมอยู่เเล้ว ถ้าเเตก ผมก็จะรวมกันอีก ฉะนั้นต้องทำให้มีความร่วมมือกันให้ได้ อย่าหวงอำนาจ เพราะอำนาจคือของประชาชน ผมไม่ใช่นักการเมือง แล้วจะไม่ทำแบบนักการเมืองด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เราต้องสร้างชุมชนเมืองในชนบทให้ได้ ไม่ใช่ไปสร้างเมืองใหม่ ให้อยู่รวมกัน จะได้ลดภาระในการทำสาธารณูปโภค วันนี้สวนยางขอไฟฟ้าไปทุกสวน เพื่อปั๊มน้ำรดสวนยาง แต่รัฐบาลให้ไม่ได้ ให้ได้เฉพาะสายไฟหลักส่ง แล้วเชื่อมต่อเข้าไป พอมีแบบนี้ ทุกคนก็ให้ไปทำพลังงานทดเเทน จะขายไฟฟ้าเข้ารัฐอย่างเดียว ก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ต้องเฉลี่ยค่าใช้จ่ายไฟฟ้าทั้งประเทศ คนที่ไม่เกี่ยวข้องเขาก็เดือดร้อน มองให้มันหลายมุมหน่อย เพราะเราต้องรักษาความมั่นคงทางพลังงาน แบ่งเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ต้องเป็นพลังงานเสถียร เพียงพอ ปลอดภัย และสะอาด ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นพลังงานทดเเทน อย่างลม พลังงานแสงอาทิตย์ หากใช้ตรงนี้มากไป ก็จะทำให้โลกเปลี่ยนแปลงในอนาคต

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างกล่าวเปิดการสัมมนา นายกรัฐมนตรี ให้ผู้ร่วมรับฟังลุกขึ้นยืนแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว หายใจเข้าออก 4 ครั้งแล้วเอียงซ้าย-ขวา เพื่อลดอาการง่วง หลังจากเห็นว่าผู้รับฟังรู้สึกง่วง และไม่สนใจการรับฟัง โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่านำแนวคิดแก้ง่วงมาจากประเทศญี่ปุ่น

No views yet

Print

Categories