นายกฯ ย้ำพัฒนาระบบขนส่งเชื่อมโยงทั้งระบบ

1458102580-4f3a485c1e2d64aafcbfe917bea4e635

 

กรุงเทพฯ 16 มี.ค.- นายกรัฐมนตรี เปิดการประชุมวิชาการ และนิทรรศการอุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 2 เรื่อง “ผลิตชิ้นส่วนระบบรางอย่างไรให้ได้มาตรฐาน”  ย้ำพัฒนาระบบขนส่งให้เชื่อมโยงกันทั้งหมด ทั้งระบบราง ถนน ทางน้ำและอากาศ  เน้นผลิตชิ้นส่วนระบบรางภายในประเทศ  พัฒนาพื้นที่ตามแนวรางรถไฟให้เกิดประโยชน์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ และนิทรรศการอุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 2 เรื่อง “ผลิตชิ้นส่วนระบบรางอย่างไรให้ได้มาตรฐาน” The Second Thai Rail Industry Symposium and Exhibition (2nd RISE) Main Theme “Standard and Thailway Parts Manufacturing” ณ สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรล ลิงค์ มักกะสัน

ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย (วศรท.) และ Railway Technical Research Institute (RTRI) ประเทศญี่ปุ่น  เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมระบบรางของประเทศไทยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมได้จริงและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านมาตรฐานการผลิตชิ้นส่วนระบบรางรวมทั้งนำเสนอความก้าวหน้าของการพัฒนา ชิ้นส่วนระบบรางในต่างประเทศเพื่อนำมาประยุกต์และต่อยอดในประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยต้องพัฒนาระบบการขนส่งทั้งหมดทั้งระบบราง เส้นทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศให้เกิดความเชื่อมโยงกัน ซึ่งทุกหน่วยงานต้องมีแปลนดำเนินการในลักษณะบูรณาการไม่ใช่ต่างคนต่างทำงานในฟังค์ชั่นของตัวเอง  ซึ่งเป็นสิ่งอันตรายสำหรับการพัฒนาประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องมีการกำหนดแนวความคิดของการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน โดยต้องคำนึงถึงประชาชน ควบคู่กับกิจกรรมของพรรคการเมือง ซึ่งวันนี้รัฐบาลจะวางแนวทางเพื่อเพิ่มเส้นทางขนส่งทางรางอีกว่า 3,000 กิโลเมตร ภายในปี 2565 เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่กว่า4,000 กิโลเมตร พร้อมฝากให้ทุกส่วนกลับไปคิดว่าทำอย่างไรจะให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถใช้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการขนส่งได้อย่างเท่าเทียม

“ต้องพัฒนาเส้นทางรถไฟในลักษณะท้องงูเหลือม ด้วยการสร้างศูนย์รวมทางเศรษฐกิจตามแนวเส้นทาง ท้องป่องตรงไหนก็พัฒนาตรงจุดนั้น และพัฒนาพื้นที่รอบ ๆ ให้มากที่สุด ให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ โดยเฉพาะคนที่ยากจน และไม่มีที่อยู่อาศัย ซึ่งรัฐบาลมีแผนงานในการพัฒนาพื้นที่โดยรอบไว้แล้ว นอกจากนี้ต้องมีการวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน  วางแผนสร้างรายได้รองรับการขาดทุนในช่วงแรก เน้นการวิจัยพัฒนาที่เป็นความร่วมมือของรัฐและเอกชน ในเรื่องที่ตรงกับความต้องการของประเทศ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การผลิตชิ้นส่วนระบบรางภายในประเทศถือว่ามีความสำคัญและต้องทำให้เกิดขึ้นได้มากที่สุด ควรกำหนดสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไว้ในการออกแบบโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจทั้งที่้เป็นขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีในประเทศ มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมสำรวจรายชื่อบริษัทประชารัฐที่อยู่ใน 12 กลุ่มธุรกิจ และขอให้การประชุมวันนี้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์นำไปสู่การปฎิบัติที่เป็นรูปธรรม ขณะที่งบประมาณในการลงทุนด้านนี้ที่มีจำนวนมาก รัฐบาลก็ให้ความสำคัญ โดยการใช้งบประมาณจะต้องเป็นไปในรูปแบบบูรณาการ และเป็นไปตาม พ.ร.บ.งบประมาณใหม่ที่ได้กำหนดขึ้น และต้องคำนึงถึงประชาชนโดยรอบพื้นที่มากที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ยกเลิกการทำประชาพิจารณ์ก่อนการเดินหน้าโครงการต่างๆ แต่เป็นการลดขั้นตอนที่ทำให้เกิดความล่าช้า โดยทำควบคู่กันระหว่างการทำประชาพิจารณ์ กับการเตรียมการดำเนินโครงการ การลงนามในโครงการใด ๆ จะต้องผ่านขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ก่อน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบทุจริตทั้งหมดและนักลงทุนด้วย หากพบมีใครที่เรียกรับผลประโยชน์ให้แจ้งมายังตนได้ นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าในการเดินทางไปต่างประเทศจะมีการทวงถามถึงสัญญาในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการบริหารจัดการน้ำ จึงสั่งการให้ตรวจสอบว่ามีเรื่องของการรับผลประโยชน์หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงก่อนเริ่มเปิดงาน นายกรัฐมนตรีกล่าวนำว่า วันนี้มีอารมณ์ เพราะถูกอุ่นเครื่องแต่เช้า ข่าวที่ออกมามีแต่เรื่องรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ ซึ่งทำให้วุ่นวาย น่ารำคาญ และทำให้ไปด้วยกันไม่ได้

และในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานนั้น เห็นผู้ร่วมงานมีอาการง่วง นายกรัฐมนตรี จึงขอให้ผู้ร่วมงานทุกคนลุกขึ้นยืน เอามือประกบกันและยืดแขนขาเพื่อผ่อนคลาย แก้อาการง่วง ซึ่งเป็นวิธีที่ประเทศญี่ปุ่นใช้ระหว่างทำงาน

ท้ายสุดนายกรัฐมนตรี ติงสื่อในการนำเสนอข่าวที่สร้างความไม่เข้าใจให้กับตนเองและประชาชน ซึ่งมองว่าสื่อยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง และยังทำตัวเหมือนไก่ตรุษจีน ที่ตีกันในเข่ง.-สำนักข่าวไทย

 

http://www.tnamcot.com/content/425500

No views yet

Print
Tags:
Rate this article:
No rating

Categories