วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการประชุม หัวข้อ “เรื่อง แนวทางการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตร โดยการแปรรูปและใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร” โดย ดร.วีระวัฒน์ แช่มปรีดา จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ผศ. ดร.สันติ เชื้อเต๊อะ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ ผศ. ดร.วรพจน์ กนกกันฑพงษ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เกียรติเป็นผู้เสวนาในหัวข้อดังกล่าว และ ดร.ชญานนท์ โชติรสสุคนธ์ จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ณ ห้องประชุม MR 207 ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
การเสวนาในครั้งนี้ ได้นำ BCG Model มาปรับใช้ประโยชน์ โดยการนำอุตสาหกรรมชีวภาพ (Bio-industry) และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ อาทิ อ้อย ปาล์ม รวมถึงการนำเศษอาหาร หรือผักที่เหลือจากการรับประทาน (Food Waste Biofinery) มาเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าให้สาหร่าย อีกทั้งสามารถนำพลาสติกมา Recycles กลับไปเป็นพลาสติก หรือนำไปเป็นพลังงาน ต่อมาความยั่งยืน หรือ Sustainability เป็นการพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันให้คงอยู่เพื่อต่อยอดสู่อนาคตและตอบสนองต่อความต้องการของคนในปัจจุบัน โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลัง และการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งในปัจจุบันการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 20 ซึ่งมีการเตรียมพร้อมสำหรับผู้ประกอบการ เช่นศึกษา จัดเก็บข้อมูล และคำนวณค่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (CF) อย่างสม่ำเสมอ และเตรียมการเรื่องสิทธิซื้อขาย คาร์บอนเครดิต เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้เสวนา และผู้ร่วมรับฟังเสวนา ในหัวข้อ “เรื่อง แนวทางการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตร โดยการแปรรูปและใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร” เพื่อนำไปปรับใช้กับงานวิจัย และผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตรให้สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในอนาคต
การเสวนาดังกล่าวจัดขึ้นภายในงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 28 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยกิจกรรมภายในงาน มีการประชุม บรรยาย เสวนา Workshop ในหัวข้อต่าง ๆ มากกว่า 150 หัวข้อ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของหน่วยงานในกระทรวง อว. ในการสร้างความแข็งแกร่งของสหวิทยาการในทุกด้าน ที่นำไปสู่การพัฒนากำลังคนที่มีความสามารถและพร้อมที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ความท้าทายของโลกยุคใหม่ไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน