วช. เปิดวงเสวนาเผยผลสำเร็จ “ธนาคารปูม้า” พลิกฟื้นทะเลไทย สร้างอนาคตที่ยั่งยืน

วช. เปิดวงเสวนาเผยผลสำเร็จ “ธนาคารปูม้า” พลิกฟื้นทะเลไทย สร้างอนาคตที่ยั่งยืน



















สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดเสวนาเรื่อง “ความสำเร็จและความภูมิใจของการทำธนาคารปูม้า” เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์ และร่วมกันสะท้อนถึงความสำเร็จและความภูมิใจของการดำเนินโครงการธนาคารปูม้า ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนที่ให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยมี นายเจริญ โต๊ะอิแต ประธานศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าและประมงชายฝั่งบ้านในถุ้ง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเกษม หมานหรา วิสาหกิจชุมชนแปรรูปบ้านสุไหงบาตู จังหวัดตรัง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อมรศักดิ์ สวัสดี ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ รองศาสตราจารย์ ดร. ศุภมิตร ปิติพัฒน์ มูลนิธิ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-แคนาดา และ รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ศักดิ์ ศีรษะภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญการจัดการสุขภาพสัตว์น้ำ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ เวที Highlight Stage ห้องนิทรรศการ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

การเสวนาเรื่อง “ความสำเร็จและความภูมิใจของการทำธนาคารปูม้า” ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่น่าจับตามองในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการเพิ่มปริมาณปูม้าในธรรมชาติ สร้างรายได้ให้แก่ชาวประมง และส่งเสริมการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ผลการประเมินโครงการที่ผ่านมาชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบเชิงบวกที่เห็นได้ชัดคือการเพิ่มขึ้นของรายได้ของชาวประมง เนื่องจากปริมาณปูม้าในทะเลที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชาวประมงสามารถจับปูม้าได้มากขึ้น ส่งผลให้มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงและอนุบาลปูม้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากรและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์จากปูม้า
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นำมาสู่ความสำเร็จของโครงการคือการมีส่วนร่วมของชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ให้ความสำคัญและร่วมมือในการดูแลธนาคารปูม้า ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและรับผิดชอบต่อทรัพยากรในพื้นที่ของตนเอง นอกจากนี้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนยังเป็นสิ่งสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครงการธนาคารปูม้าจะประสบความสำเร็จในหลายด้าน แต่ก็ยังมีข้อเสนอแนะในการพัฒนา เพื่อให้โครงการมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เช่น การปรับปรุงระบบการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การพัฒนากลไกในการกระจายผลประโยชน์ให้กับชุมชนอย่างเป็นธรรม และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับความสำคัญของการบริโภคปูม้าอย่างยั่งยืน
โครงการธนาคารปูม้าเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำความรู้ทางวิชาการมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนชายฝั่ง โครงการนี้แสดงให้เห็นว่า ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เราสามารถฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นหลังได้
บทเรียนที่ได้จากโครงการธนาคารปูม้า สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ได้ เช่น การฟื้นฟูป่าชายเลน การอนุรักษ์สัตว์น้ำ และการจัดการขยะมูลฝอย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับคนรุ่นหลังต่อไป
ในอนาคตโครงการธนาคารปูม้าควรได้รับการสนับสนุนและขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งระบบนิเวศทางทะเลและเศรษฐกิจของชุมชนชายฝั่ง นอกจากนี้ ควรมีการติดตามและประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของชุมชน
โครงการธนาคารปูม้าเป็นโครงการที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อทรัพยากรทางทะเลและชุมชนชายฝั่ง หากได้รับการสนับสนุนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โครงการนี้จะเป็นต้นแบบในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทยในระยะยาว
Print
«December 2024»
MonTueWedThuFriSatSun
2526272829301
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
303112345