วช. สนับสนุน ม.นเรศวร ยืดอายุทุเรียนสดแบบแกะพู หวังเจาะตลาดพรีเมียม อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

  • 2 July 2021
  • Author: Wanchaloem
  • Number of views: 3718
วช. สนับสนุน ม.นเรศวร ยืดอายุทุเรียนสดแบบแกะพู หวังเจาะตลาดพรีเมียม อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกทุเรียนเป็นอันดับ 1 ของโลก ในปี 2562 มีการส่งออกผลทุเรียน
และผลิตภัณฑ์แปรรูป (ทุเรียนสด ทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนอบแห้ง ทุเรียนกวน) มีปริมาณ 680,872.5 ตัน มีมูลค่ารวมถึง 51,035.7 ล้านบาท และกว่าร้อยละ 95 ของปริมาณส่งออกทั้งหมดถูกส่งออกในรูปของทุเรียนสด (แบบผล  และแบบแกะพู) ทุเรียนแบบผลแม้จะมีราคาต่ำกว่าทุเรียนแบบแกะพู แต่ผู้บริโภคก็ไม่สามารถทราบได้ว่าเนื้อที่อยู่ในผลนั้นจะมีคุณภาพดีหรือไม่  การส่งออกทุเรียนสดแบบแกะพูจึงเป็นทางเลือกของผู้ซื้อที่ต้องการบริโภคทุเรียนที่มีคุณภาพ  ซึ่งเป็นสินค้าในระดับพรีเมียม ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิต ผู้ส่งออกที่จะเปิดตลาดใหม่ๆที่มีมูลค่าสูง  แต่กระนั้น การส่งออกทุเรียนสดแบบแกะพูจะมีอุปสรรคที่สำคัญคือ อายุการเก็็บรักษาสั้น  จึงต้องมีการควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิดจากต้นทางของผู้ผลิต  จนถึงปลายทางคือผู้บริโภค

          ผศ. ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า อุปสรรคสำคัญของการส่งออกทุเรียนแบบแแกะพูคือ เมื่อแกะเนื้อออกมาจากผลแล้วอายุในการเก็บรักษาค่อนข้างสั้น  จึงเป็นปัญหาทั้งในเรื่องของการส่งออกและการวางจำหน่าย  จึงได้ศึกษาและพัฒนาแนวทางการแก้ไขเรื่องนี้มาเป็นเวลาหลายปี และได้ขอรับทุนสนับสนุนการวิจัย จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เรื่อง “การบริหารจัดการสายโซ่คุณค่ามะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและทุเรียนหมอนทอง” จนสามารถพัฒนาและยืดอายุการเก็บรักษาทุเรียนสดแบบแกะพูเพื่อการส่งออกจนเป็นผลสำเร็จ   วิธีดำเนินการลำดับแรกคือ ต้องคัดเลือกผลทุเรียนที่ได้มาตรฐานซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งทุเรียนเกรดดีที่มีเปลือกสวย และทุเรียนที่มีตำหนิ และเป็นทุเรียนที่สุกพอดี เพื่อนำมาแกะเอาเฉพาะเนื้อ  โดยจะคัดเลือกแต่พูที่สวยน่ารับประทาน ได้มาตรฐานแล้วนำไปบรรจุกล่องที่โรงงานมาตรฐานส่งออกในจังหวัดปทุมธานี  ในกล่องที่บรรจุทุเรียนจะใส่ซองบรรจุสารดูดซับก๊าซเอททิลินเพื่อชะลอให้ทุเรียนสุกช้าลง ( "เอททิลีน" เป็นสารที่ผลไม้แก่เต็มที่ เช่น ทุเรียน มะม่วง กล้วย สร้างขึ้นเองโดยธรรมชาติเพื่อเร่งการสุก)  กล่องที่บรรจุจะต้องเป็นกล่องพลาสติกแบบแอนตี้ฟ็อก ที่ป้องกันการเกิดหยดน้ำและป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าขึ้นในกล่อง  วิธีการนี้จะช่วยยืดอายุทุเรียนแกะพูจากไม่เกิน 3 วัน ให้เป็น 7-10 วัน ดังนั้นจึงมีเวลาเพียงพอสำหรับการขนส่ง การส่งออกสินค้าสำหรับผู้ค้าที่อยู่ปลายทาง และมีเวลาเพียงพอที่จะวางสินค้าให้อยู่ในตลาด สำหรับประเทศที่ส่่งออกคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดระดับพรีเมียมที่ผู้บริโภคสั่งซื้อด้วยระบบพรีออเดอร์  ดังนั้น จึงไม่มีสินค้าเหลือตกค้าง ข้อดีของการส่งออกทุเรียนแบบแกะพูคือ สามารถนำทุเรียนที่เปลือกไม่สวยแต่เนื้อดีมาใช้ได้  แต่ข้อเสียคือ ในทุเรียนหนึ่งผลอาจจะคัดทุเรียนเนื้อดีได้ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ทุเรียนส่วนที่เหลืือที่ไม่ได้คุณภาพก็จะถูกนำไปแยกขายตามเกรด ดังนั้น ราคาขายปลายทางของทุเรียนแบบแกะพูจึงค่อนข้างสูง เช่น  ในสหรัฐอเมริกาผู้บริโภคซื้อในราคากล่องละประมาณ 30-40 เหรียญสหรัฐ  ขณะที่ต้นทุนทุเรียนที่ออกจากสวนอยู่ที่ประมาณ 150 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อบวกค่าดำเนินการต่างๆ เช่นบรรจุกล่อง ค่าขนส่งทางเครื่องบิน  ผู้ส่งออกจะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัญหาของการส่งออกด้วยวิธีแกะเนื้อคือ มีปริมาณผลทุเรียนคุณภาพดีไม่เพียงพอ  เพราะทุเรียนผลส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปประเทศจีน  ดังนั้น เพื่อให้มีผลทุเรียนเพียงพอสำหรับใช้งานจึงต้องดำเนินการแบบครบวงจรจากต้นทางคือ ส่งเสริมกระบวนการเพาะปลูกที่ได้มาตรฐานให้แก่เกษตร  ซึ่งเป็นโครงการที่ศูนย์วิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว  มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในการจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตทุเรียนเพื่อการส่งออกให้แก่เกษตรกรในจังหวัดอุตรดิตถ์  ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนแบบแกะพูไม่มาก  ในขณะที่ตลาดในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีความต้องการสูงมาก  จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ส่งออกของไทย

 

          ดร.วิภารัตน์  ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า  จากความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์และวิทยาการในเรื่องการเพาะปลูก ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ปลูกและผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ของโลก แต่ถึงกระนั้นการส่งออกทุเรียนผลสดก็ยังประสบปัญหาเพราะผู้บริโภคไม่สามารถมองเห็นคุณภาพเนื้อทุเรียนได้  เกิดความไม่เชื่อมั่นในผลผลิต จึงมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคจะเปลี่ยนรสนิยมไปบริโภคทุเรียนแบบแกะพูมากขึ้น เช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีผู้ขายทุเรียนสดแบบแกะพูเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก  ดังนั้นงานวิจัยจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างนวัตกรรม และสร้างแนวทางใหม่ ๆ ที่ช่วยส่งเสริม สนับสนุน และขยายตลาดส่งออกให้มากขึ้น  ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการในการส่งออกทุเรียนไปสู่ตลาดระดับพรีเมียมที่มีมูลค่ามากกว่าเดิม
Print