Page 3 - NRCT Newsletter Vol 57
P. 3

มุมมองผบู รหิ าร

                                                       มาตรฐานการวจิ ยั ของประเทศ

                                                         “ผูท่ีทํางานดานการวิจัย ควรมีจรรยาวิชาชีพวิจัยในการทําวิจัย
                                                      นักวจิ ยั ตองรวู าทําวิจยั เพ่ือมงุ หวงั อะไร”

   ศาสตราจารย นายเพทยสุทธิพร จติ ตม ิตรภาพ         หน้าท่ีเป็นตัวกลางในการสนับสนุนเพ่ือให้                     มิติท่ี 1 เร่ืองของนโยบายใครควรจะท�า
        เลข�ธิก�รคณะกรรมก�รวจิ ัยแห่งช�ติ             มีการด�าเนินการปฏิบัติตามจรรยาวิชาชีพ                       หน้าท่ีด้านนโยบาย สุดท้ายก�าหนดให้
                                                      วิจัย วช. โดยความร่วมมือขององค์กร                           วช. และ สวทน. เป็นผู้ท�าหน้าที่ก�าหนด
    จรรยาวิชาชีพวิจัยและแนวทาง                        บริหารงานวิจัยแห่งชาติ หรือ คอบช.                           นโยบาย เปาหมายและทิศทางในการทา�
ปฏิบัติเป็นพ้ืนฐานท่ีส�าคัญของการวิจัย                ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า 5 ส. ปัจจุบันน้ี                       วจิ ัย และทา� หน้าทีใ่ นการหางบประมาณ
ที่ผ่านมา ส�านักงานคณะกรรมการวิจัย                    เป็น 6 ส. กับ วช. ประกอบด้วย สกว.                           สนับสนุน มิติที่ 2 องค์กรที่ท�าหน้าท่ี
แห่งชาติ (วช.) พยายามกระตุ้นให้มีการ                  (ส�านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย),                          จดั สรรทนุ เหน็ วา่ ควรเปน็ สกว., สวรส.,
วิจัยเกิดขึ้น เพราะในฐานะองค์กรกลาง                   สวรส. (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข),                           สวก. ที่ท�าหนา้ ท่ใี นการบริหารจดั สรรทุน
ด้านการบริหารงานวิจัย ต้องส่งเสริมให้                 สวก. (สา� นกั งานพฒั นาการวจิ ยั การเกษตร                   (Funding Agency) ให้เป็นไปตาม
เกิดการสร้างความรู้ใหม่และความรู้น้ัน                 องคก์ ารมหาชน), สวทช. (สา� นกั งานพฒั นา                    นโยบายทวี่ างไว้ จากนนั้ หนว่ ยงานทท่ี า� วจิ ยั
ต้องอิงหลักการตรวจสอบประสิทธิภาพ                      วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ),                           กค็ อื มหาวทิ ยาลยั หรอื สถาบนั วจิ ยั หลงั จาก
ต่าง ๆ มากมาย ให้ได้มาในสิ่งท่ีใกล้เคียง              สวทน. (ส�านักงานคณะกรรมการนโยบาย                            ทา� วจิ ยั เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ กพ็ บวา่ การจะนา�
ความเป็นจริงและต้องสามารถน�ามาใช้ได้                  วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม                           ผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ถ้าเปน็ อาจารย์
ซึง่ วช. ตระหนักดีว่าประเทศไทยจะพงึ่ พา               แห่งชาติ) และ สกอ. (ส�านักงานคณะ                            จะต้องมาถ่ายทอดอบรมเกษตรกรอีกก็จะ
ความรู้จากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว                   กรรมการการอุดมศึกษา) ได้ร่วมกันมา                           ท�าให้ขาดเวลาที่จะมาสอนนักเรียน ขาด
คงไม่ได้ เราต้องหาความรู้ด้วยตัวเราเอง                เป็นเวลา 4 ปี แล้ว ท่ีจะปฏิรูประบบ                          เวลาที่จะมาค้นคว้าต่อ เพราะหน่วยงาน
ส่วนหน่ึง ซึ่งความรู้ท่ีว่านั้นอาจจะไม่ใช่            วิจัย ด้วยความเห็นท่ีตรงกันว่า ท่ีผ่านมา                    ที่ควรรับผิดชอบต่อก็คือหน่วยงานท่ีถูก
ความรู้แค่ในประเทศ แต่ต้องเป็นการ                     ระบบวิจัยมีความยุ่งเหยิงเน่ืองจากแต่ละ                      ก�าหนดไว้แล้ว เช่น ถ้าเป็นระบบราชการ
ต่อยอดความรู้ จะเห็นได้ว่ามกี ารเช่ือมโยง             หน่วยงานต่างมี พ.ร.บ. เป็นของตัวเอง                         ก็คือหน่วยงานราชการ เอกชนก็จะเป็น
แนวคดิ ในเรอ่ื งของนานาชาติ ซงึ่ ในแนวคดิ             ตา่ งคนตา่ งทา� ในเชงิ ของการใหท้ นุ กต็ า่ งคน             ภาคธรุ กิจ และต้องมองว่าใครจะทา� หนา้ ที่
ของนานาชาตเิ รอื่ งการวจิ ยั นน้ั มเี พม่ิ เตมิ ขนึ้  ตา่ งใหท้ นุ และตา่ งคนตา่ งเผยแพรก่ ระจาย                  ถา่ ยทอด มิติท่ี 3 คอื เร่ืองของงบประมาณ
เร่อื ย ๆ ถงึ แนวทางปฏิบตั ิทเี่ ป็นมาตรฐาน           ความรู้ ท�าให้เกิดความสับสนไม่ว่าจะเป็น                     ควรมีงบประมาณเท่าไหร่ ขณะน้ีสามารถ
ทร่ี ะบถุ งึ สงิ่ ตา่ ง ๆ ทคี่ วรกระทา� หรอื ไมค่ วร  เรอื่ งของนโยบายท่ที า� ให้เปา้ หมายเกดิ การ                เพิ่มงบประมาณจากทม่ี ีอยู่ 0.2 เปอรเ์ ซ็นต์
กระทา� หลัก ๆ และสดุ ท้ายก็ออกมาเป็นสิ่ง              กระจายไปคนละทิศละทางในเรื่องของ                             เป็น 0.37 – 0.40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยัง
ที่ วช. ตระหนกั ดีวา่ ในการกระตนุ้ ให้มีการ           การใหท้ ุน ท�าใหเ้ กดิ การให้ทุนวิจยั ซา�้ ซอ้ น            ไม่เพียงพอเน่ืองจากได้ต้ังเป้าว่าควรจะ
วิจยั มากขึ้นเรอ่ื ย ๆ นกั วิจยั องคก์ รทีด่ ูแล      แ ล ะ ไ ม ่ ส า ม า ร ถ จ ะ ผ นึ ก ก� า ลั ง ใ ห ้ ใ ช ้    ได้ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความจริง
เร่ืองการวิจัย ควรตระหนักถึงส่ิงท่ีเรียก              งบประมาณท่ีมีอยู่อย่างจ�ากัดให้เกิดผลได้                    บอกว่าควรจะได้ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ต้ังแต่
วา่ จรรยาวชิ าชพี วิจัย ซงึ่ วช. พรอ้ มจะท�า          และเพ่ือเป็นการปฏิรูประบบวิจัย คอบช.                        ปี 2555 ซึ่งตอนนน้ั ควรจะได้ 1 เปอร์เซน็ ต์
                                                      จงึ ไดม้ องถงึ มติ ติ า่ ง ๆ 9 มติ ิ มติ ทิ ส่ี า� คญั คอื
                                                                                                                                              (อา่ นต่อหนา้ 4)

* สรุปจากคา� บรรยายของ ศาสตราจารย์ นายแพทยส์ ุทธพิ ร จิตต์มิตรภาพ เลขาธกิ ารคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “จรรยำวชิ ำชพี วจิ ยั
และแนวทำงปฏิบตั ิ” จดั โดย ส�านักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.) เมอื่ วนั ท่ี 28 กรกฎาคม 2557 ณ โรงแรมมริ าเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน่ กรงุ เทพฯ

                                                                                                                  3ส�ำ นักง�นคณะกรรมก�รวิจัยแหง่ ช�ติ (วช.)

                                                                                                                  National Research Council of Thailand (NRCT)
   1   2   3   4   5   6   7   8