Page 4 - NRCT Newsletter Vol 57
P. 4

(ตอ่ จากหนา้ 3)                                     รายละเอียดปลีกย่อยใหม่คือมาตรฐาน                      การวิจัย มาตรฐานท่ีว่าคืออะไรบ้าง เช่น
                                                    ข อ ง ค ว า ม เ ป ็ น เ จ ้ า ข อ ง ผ ล ง า น ห รื อ  เม่ือได้รับเกียรติเป็นผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว
แต่ 0.5 เปอรเ์ ซน็ ต์ กย็ งั ไมไ่ ด้ ในปี 2555 ได้  Authorship ซึ่งมีหลักการท�ำงาน                        อนั ทหี่ นงึ่ ทา่ นตอ้ งประเมนิ ตนเองวา่ ทา่ นมี
0.37 เปอร์เซน็ ต์ ซ่งึ ตามเปา้ หมายเราบอก           รว่ มกันแล้วจะแบ่งให้ใครเท่าไหร่ ซง่ึ ตรงนี้          ความรทู้ จี่ ะประเมนิ เรอื่ งนนั้ จรงิ ๆ หรอื ไม่
วา่ ปี 2560 เราควรจะถงึ 1 เปอร์เซน็ ต์ ซ่งึ ก็      ที่ต่างประเทศไม่ค่อยมี เวลาท�ำงานกับ                  ไม่ใช่ว่าท่านมีความรู้เร่ืองหนึ่ง แต่ส่ง
ตอ้ งดคู วามสามารถของพวกเราและ วช. วา่              ต่างประเทศแล้วไปพูดกับ Professor                      อีกเรื่องหนึ่งมาให้ประเมิน และเป็นเรื่อง
จะเปน็ อยา่ งไร แตค่ วามสามารถอยา่ งเดยี ว          ว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเท่าน้ี เขาก็จะงงว่า            ท่ีท่านไม่มีความรู้เลยแต่ท่านก็รับเร่ืองมา
คงไม่พอ เน่ืองจากต้องมีผลงานไปแลก                   เปอร์เซ็นต์คืออะไร แต่ในเมืองไทยมี ว่า                ประเมนิ อนั ทส่ี องก็คือเรือ่ งมาตรฐานการ
หากอาจารย์สามารถท�ำงานวิจัยและผนึก                  ใครบ้างควรจะมีเปอร์เซ็นต์และสัดส่วน                   เกบ็ ความลบั ทา่ นอ่านเรือ่ งแลว้ ซงึ่ เป็นส่งิ
ก�ำลังกันท�ำงานวิจัยให้ไม่ซ�้ำซ้อนและมี             การท�ำงานเท่าไหร่ ใครมีสัดส่วนด้าน                    ทผ่ี วู้ จิ ยั คดิ แตพ่ อถงึ เวลาผพู้ จิ ารณากลบั นำ�
เป้าหมายชัดเจนตอบโจทย์ได้ คิดว่าปี                  ความรับผดิ ชอบดา้ นไหน                                เร่ืองท่ีผู้วิจัยคิดไปเผยแพร่ให้คนอ่ืนท�ำ ซึ่ง
2560 คงได้ 1 เปอร์เซน็ ตแ์ น่นอน แต่หาก             	 จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการตีพิมพ์                  เป็นสง่ิ ไมส่ มควรกระทำ� เปน็ ต้น
ไม่ร่วมมือร่วมแรงกันก็ไม่มีผลงานไปแสดง              ที่ถูกต้อง การตีพิมพ์อย่างไรท่ีเรียกว่า               	 อีกมาตรฐานหนึ่งคือ มาตรฐานหอ้ ง
เพราะฉะนั้นโอกาสทจ่ี ะไดก้ ็จะน้อยลง                Publication การตพี มิ พ์อยา่ งไรที่ไมถ่ อื วา่        ปฏบิ ตั กิ าร ในอนาคตหากจะตพี มิ พจ์ ะบอก
	 นอกจากเรื่องนี้แล้วก็จะเป็นเรื่อง                 เปน็ Plagiarism หรอื การลอกเลยี นผลงาน                ได้เลยว่า การวิจัยท�ำในห้องปฏิบัติการท่ี
สถาบนั วิจยั ตัวนกั วิจัย ซ่งึ นกั วจิ ัยของไทย     และยังมีการมองถึงภาพมาตรฐานตัวอื่น                    ถกู ต้องหรอื ไม่ เพราะถา้ มีการเกบ็ สารเคมี
ยังขาดแคลน ถามว่าจะเพิ่มข้ึนได้อย่างไร              เพราะในระดบั สากลจะก้าวหน้าไปเร่อื ย ๆ                อย่างไม่ถูกต้องอาจท�ำให้เกิดผลเสียได้
ขณะน้ีได้มีหลักสูตรที่เรียกว่าหลักสูตร              ในเรื่องของมาตรฐาน โดยเฉพาะเร่ือง                     ขณะน้ี วช. ได้ให้ความสำ� คญั อย่างมากใน
พัฒนาวิทยากรเพ่ืออบรมนักวิจัยเพ่ิมขึ้น              การแพทยไ์ ปเรว็ ทส่ี ดุ กค็ อื การนำ� คนมาเปน็        เรอื่ งของมาตรฐานเพราะวช.ถกู กำ� หนดให้
โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีคนท่ีมีศักยภาพ                 ตวั ทดลอง กต็ อ้ งมมี าตรฐานทค่ี มุ้ ครองดแู ล        เป็นองค์กรกลางในเร่ืองการวางนโยบาย
เป็นนักวิจัยได้ แต่อาจถูกจ�ำกัดด้วย                 การท�ำวิจัยในคนก็จะเป็นมาตรฐานการ                     ยุทธศาสตร์ในเรื่องของการวิจัยซึ่งหา
ภาระงานหรอื ขาดการกระตนุ้ ใหเ้ ปน็ นักวจิ ยั        วจิ ยั ในคน มาตรฐานการใชส้ ตั วก์ เ็ หมอื นกนั        งบประมาณมาแต่ไม่ได้เป็นผู้จัดสรรเอง
จึงเป็นท่ีมาว่า แทนท่ีจะอบรมนักวิจัย                มีองค์กรมากมายที่มองเห็นภาพว่าสัตว์ไม่                ให้หน่วยงานอ่ืนจัดสรร แต่ท�ำหน้าที่
อย่างเดียวก็มีหลักสูตรอบรมวิทยากร                   สามารถประท้วงได้ก็ต้องมีคนท่ีคอยดูแล                  รวบรวมผลประเมินและส่งต่อให้
หลักสตู รการพัฒนานักวจิ ยั (แม่ไก)่ เพ่อื ให้       ในมาตรฐานการใช้สัตว์ก็เป็นสิ่งหนึ่งท่ี                ผู้ท่ีเก่ียวข้อง ในขณะเดียวกันในระหว่าง
มีวิทยากรท่ีมีคุณภาพเพ่ืออบรมนักวิจัย               วช. ท�ำ มาตรฐานการเผยแพร่ผลงาน                        การวจิ ัย วช. ก็ทำ� หนา้ ท่ีช่วยวางมาตรฐาน
(ลูกไก่) ซ่ึง วช. จะกระจายขยายผลต่อ                 ทางวิชาการท่ี วช. ท�ำต่อก็คือ มาตรฐาน                 และส่งเสริม การที่ วช. วางมาตรฐาน
ไปให้ครบทุกภูมิภาค ส่วนเร่ืองมาตรฐาน                ของวารสารวิชาการ หรือมาตรฐานของ                       แต่ไม่ใช่เป็นการตรวจจับ วช. คาดหวัง
การวิจัยและการจัดการความรู้การวิจัย                 การเผยแพร่ เพราะหลัง ๆ จะพบวา่ ถูกบีบ                 เพยี งชว่ ยสง่ เสรมิ ใหก้ ระบวนการนนั้ เปน็ ไป
ผทู้ ที่ ำ� งานดา้ นการวจิ ยั ควรมจี รรยาวชิ าชพี   บงั คับเสมอ แม้กระทงั่ นักศกึ ษาปริญญาเอก             ตามมาตรฐานเทา่ นัน้
วิจัย ในการท�ำวิจัยนักวิจัยต้องรู้ว่าท�ำวิจัย       หรือนักศึกษาปริญญาโท จะจบได้ต้องมี
เพ่ือมุ่งหวังอะไร เช่น ท�ำเพื่อมุ่งหวังหา           Publication
ผลงานหรือเพื่อหาความรู้ใหม่ สิ่งที่ วช.             	 สุดท้ายคือเรื่องของมาตรฐานการ
ไดด้ �ำเนนิ การมาตั้งแตป่ ี 2542 และต่อมา           พิจารณา นักวิจัยบอกว่าเม่ือมีคนมา
ในปี 2553 กไ็ ด้ ศาสตราจารย์ ดร.องั ศมุ าลย์        ควบคมุ แลว้ คนพจิ ารณามมี าตรฐานหรอื ไม่
จนั ทราปัตย์* มาช่วยทบทวนและปรบั แต่ง               จึงเริ่มมีมาตรฐานการพิจารณาโครงร่าง
ให้เข้ากับบริบทของโลกในปัจจุบัน จาก
มาตรฐานคุณภาพนักวิจัย ก็มาถึง

 * ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตบางเขน

4 ส�ำ นกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.)
     National Research Council of Thailand (NRCT)
   1   2   3   4   5   6   7   8   9